วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง
ประวัติหลวงพ่อพิธ ศิษย์หลวงพ่อเงิน วัดฆะมัง ตำบลฆะมัง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร นามเดิมของท่านคือ พิธ ขมินธกูล เกิดที่บ้านบางเพียร หมู่ ๔ ตำบลฆะมัง อำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๔๑๘ (อังคาร แรม ๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีกุน) เป็นบุตรของท่านหิรัญสมบัติ (ประดิษฐ์ ขมินธกูล) มีพี่น้อง ๓ คน ดังนี้ คือ ๑. นายพิธ ขมินธกูล ๒. นางไพ ขมินธกูล ๓. นางพับ ขมินธกูล
ท่านได้อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๐ อายุได้ ๒๒ ปีเต็ม ณ พัทธสีมา วัดบึงตะโกน อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ท่านศึกษาบวชเรียน อันวิชา ประกอบด้วยศิลปวิทยา เช่น
๑. วิชาสมถะ และวิปัสสนา
๒. วิชาคาถาอาคม ตลอดถึงคุณไสย
๓. วิชาแพทย์แผนโบราณ
ด้วยวิชาดังกล่าวหลวงพ่อพิธต้องศึกษาเล่าเรียน ด้วยความมานะพยายามสามารถในการงานหลายอย่างจึง จำต้องจำพรรษาอยู่หลายวัดเช่น
๑.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดใหญ่) อ.เมือง จ.พิษณุโลก
๒.วัดบางมูลนาก อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
๓.วัดท่าถนน จ.อุตรดิตถ์
๔.วัดหัวดง อ.เมือง จ.พิจิตร
๕.วัดวังปราบ จ.นครสวรรค์
๖.วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร
หลวงพ่อพิธ มีความตั้งใจที่จะศึกษาเล่าเรียนธรรมด้วยจิตใจนอบน้อมถ่อมตน ทั้งกาย วาจา ใจ รับวิชาธรรมต่างๆ จากครูบาอาจารย์ ด้วยความตั้งใจมั่น จนเป็นพระผู้ซึ่งเป็นที่เชิดชูบูชาของมหาชนหลายจังหวัด สิ่งศักดิ์สิทธ์ที่หลวงพ่อพิธ ท่านได้สร้างไว้เป็นสิ่งอันระลึกถึง และยังสามารถขจัดปัดเป่าภัยพิบัติ ป้องกันสิ่งชั่วร้าย มี ๓ชนิด
๑. ภาพถ่าย (รูปหลวงพ่อพิธ) เป็นภาพเล็กๆด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นภาพหลวงพ่อเงิน (พระอาจารย์ของหลวงพ่อพิธ) สามารถป้องกันภัย พิบัติจากไฟ
๒. ตะกรุดมหารูด เป็นสิ่งที่มีเมตตามหานิยมและอยู่ยงคงกระพันในศัสตราวุธทั้งหลาย
๓. ขี้ผึ้งวิเศษ เป็นนะเมตตาแก่ผู้พกพาและยังทำให้มีโชคลาภอย่างอัศจรรย์มีเรื่องเล่าแสดงอภินิหารอันมหัศจรรย์จากของ สิ่งที่ระลึกต่างๆจากหลายฝ่ายและหลายบุคคล อันยืนยันแรงศัทธาที่มีต่อหลวงพ่อพิธ เมื่อไปนมัสการท่านและขอสิ่งที่เป็นที่ระลึกจากท่าน จะเตือนเสมอว่าและขอสิ่งที่เป็นที่ระลึกจากท่าน จะเตือนเสมอว่าสิ่งที่มอบให้นี้ เป็นประหนึ่งว่าเราได้มาพบหน้าตากัน มีความเคารพต่อกันดุจญาติพี่น้องและสิ่งเหล่านี้ขอให้เข้าใจว่าเป็นอนุสรณ์ต่อกันเมื่ออยู่ห่างไกล
สิ่งหนึ่งที่ควรไฝ่ใจมากๆคือ
๑. จงอย่าประมาท
๒. คุณพระพุทธคุณ คุณพระธรรม คุณพระ สงฆ์ คุณบิดา คุณมารดา
๓.จงมีศีล มีสัตย์ ภัยพิบัติจะมาไม่ถึงเพราะมีอำนาจทิพย์คอยรักษาคุ้มครองอยู่
๔.เมื่อใดสิ่งของอันเป็นที่ระลึกแล้วควรมีปัญญาคือ อย่าเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับทุกข์อุปมาดั่งวานรได้ดวงแก้วมิรู้คุณค่า เต้นไป เต้นมาลูกแก้วก็พลัดแตกไปอย่างเสียดาย ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้จักใช้สติปัญญารักษาบูชาด้วยความเคารพหลวงพ่อพิธท่านมีบุญบารมีอยู่มากมายเป็นผู้มักน้อย สันโดษไม่สะสมเงินทองอันใดทั้งสิ้นแต่กระนั้นก็ยังมีหลักฐานปรากฎว่าท่านได้สร้างอุโบสถถึง ๕ หลังคือ
๑.วัดฆะมัง ๒.วัดดงป่าคำใต้ (วัดใหม่คำวัน) ๓.วัดบึงตะโกน ๔.วัดสามขา ๕.วัดหัวดง เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๔๘๘ หลวงพ่อพิธ ก็ได้ถึงแก่กาลมรณภาพด้วยโรคชรา ใน อาการที่สงบ ณ วัดฆะมัง อ.เมือง จ.พิจิตรรวมอายุได้ ๗0 ปีท่านจากไปโดยทิ้งอำนาจบุญกุศลที่ท่านทิ้งไว้เพื่อบรรพชนรุ่นหลัง
ภายหลังการมรณภาพบรรดาลูกศิษย์ และฆราวาสได้อย่างพร้อมใจกันจัดงานเผ่าศพท่าน มีผู้คนหลั่งไหลมาอย่างนับไม่ถ้วนด้วยแรงศัทธาจากปวงชนหลายๆจังหวัด เมื่อถึงวันสุดท้ายของงานมีการเก็บอัฐิของหลวงพ่อพิธโดยมี พระอธิการทานเจ้าอาวาสเป็นผู้ชักบังสุกุลและเก็บอัฐิเป็นที่น่าอัศจรรย์และน่าศึกษาที่สุด คือ ดวงตาของหลวงพ่อพิธทั้งสองไม่ไหม้ไฟหลายท่านกล่าวว่าหลวงพ่อพิธของพวกเรามีดวงตาวิเศษอย่างแน่นอนในกาลต่อมาไม่นานนัก คณะกรรมการผู้เก็บรักษาดวงตาซึ่งไม่ไหม้ไฟของหลวงพ่อพิธ ได้ประชุมและร่วมปัจจัยกัน ในการหล่อรูปเหมือนเท่าองค์จริงของหลวงพ่อพิธ และบรรจุดวงตาของท่านไว้ เพื่อเป็นที่สักการะในความศรัทธาที่มีต่อท่าน ณ วัดฆะมังอำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ตราบเท่าทุกวันนี้ กิตติคุณ อันสูงยิ่งของหลวงพ่อพิธ ทำให้เราชนรุ่นหลังยังคงระลึกถึงท่าน มีความศรัทธาต่อท่านไม่มีวันเสื่อมคลาย
ผู้จัดทำประวัติ ตามคำบวกของหลวงพ่อทาน อดีตเจ้าอาวาส
สจ.อดุลย์ ศรีสุเทพ
สจ. สถาภร เจียมศรีชัย
คุณปัญญา ประเสริฐชัย
กำนันพงศ์ศักดิ์ เจียมศรีพงษ์
ข้อมูลจาก http://www.watkhamang.com
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น